พระเครื่องสมัยเก่าหรือสมัยโบราณ และกรมหลวงชุมพรฯ
โดย จ.อ.รัฐติพงศ์ เสนีโสด
โน๊ต : - ชมรมคนรักพระเครื่องสมัยเก่าหรือสมัยโบราณ และเช่าพระเครื่อง หากท่านใดต้องการให้ทางเราประชาสัมพันธ์พระเครื่องของท่านหรือถ้าท่านต้องการนำพระเครื่องให้เช่าบูชา ทางผู้จัดทำเว็บไซต์ ยินดีนำลงให้ในหน้าเว็บนี้ครับ ( ลงให้ฟรี ครับ ) โดย ท่านส่งไฟล์ภาพและข้อมูลมาได้ที่อีเมล์ radtipong@hotmail.com หรือ ติดต่อผ่่านทางมือถือ 0896761224 ก็ได้นะครับ !
หมายเหตุ : - ตัวเลขด้านซ้ายมือที่ปรากฎอยู่ด้านล่างนี้ คือ ตัวนับสถิติผู้เข้ามาชมหน้าเว็บ ณ ยอดล่าสุดของผู้เข้าชมขณะนี้ !
สถิติ : - จำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บรวมถึง ณ ตอนนี้
วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556
.... ภาพ " ผู้จัดทำเว็บไซต์ " ...
ผม..จะห้อยเหรียญเสด็จเตี่ยติดตัวไว้เสมอ
เพื่อให้พระองค์ท่านคอยปกปักรักษา และคุ้มครองให้ผมปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ นานา
จึงเป็นที่มา..ในการจัดทำเว็บไซต์ พระเครื่องสมัยเก่าและกรมหลวงชุมพรฯ โดย จ.อ.รัฐติพงศ์ เสนีโสด
ผม..หวังว่าท่านที่เข้ามาชมเว็บไซต์นี้คงได้สาระดี ๆ ไม่มากก็น้อย..นะครับ
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556
... ภาพพระพักตร์เต็มใบหน้า 3 ด้าน ของ รูปหล่อ " เสด็จเตี่ย " ที่ได้ขยายใหญ่...ของผมครับ !
บทวิเคราะห์ : ปาฎิหาริย์ในครั้งนี้
(1 ) ...... เมื่อถึงวันเดินทางกลับรถทัวร์ออกจากภูเก็ต ผมก็ยังนั่งรถคันเดิม คือ คันที่ 2 พอหลังจากที่ผมและเพื่อน ๆ ได้ลงมาแวะไหว้ “ เสด็จเตี่ย ” กันแล้ว ผมก็ได้เปลี่ยนใจมานั่งรถคันที่ 1 แทน ทำไมและ มีอะไรมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนใจเช่นนั้น...ซึ่งถ้าผมไม่เปลี่ยนมานั่งรถคันที่ 1 ผมก็คงต้องเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุด้วยคนหนึ่งในรถทัวร์คันที่ 2 ! ซึ่งผมเชื่อเป็นเพราะ “ ปาฏิหาริย์ ” และตอนที่ผมเดินมาเปลี่ยนคันที่จะนั่งตอนขากลับที่ จ.ชุมพร นั้นในใจของผมตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเพราะอะไร.. เพราะทำไมจึงได้คิดเช่นนั้น.....มันเหมือนมีมลมาสะกดผมให้เดินไปที่รถคันที่ 1 ซึ่งสิ่งนี้เองที่ผมไม่สามารถหาคำตอบได้เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎธรรมชาติ แต่ผมเชื่อว่า ณ ตอนนั้น “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้มาคุ้มครองและปกป้องชีวิตของผมอย่างแน่นอน
(2) ..... สภาพรถทัวร์คันที่ 2 คันที่เกิดอุบัติเหตุดูแล้วน่าจะมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็มีเสียชีวิตเพราะรถคว่ำทั้งคันเหมือนกับเทกระจาดล้อของรถก็ชี้ฟ้าแต่คนในรถไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีใครเสียชีวิต ... ผมเคยอ่านในหน้าหนังสือพิมพ์..บ่อยครั้งที่มีการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยเฉพาะรถทัวร์ด้วยแล้วมักจะมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือตายเกิดขึ้น...ผมจึงได้นึกถึงวันที่พวกเราได้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมพวกเราที่ไปทัศนศึกษาไม่มีใครเจ็บหนัก หรือตายกันเลย หรืออาจจะเป็นเพราะคำว่าปาฏิหาริย์ และปาฏิหาริย์ที่ว่านั้นก็คือปาฏิหาริย์ของเสด็จเตี่ย
(3) ..... หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันในรถทัวร์คันที่ 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำไมเกิดเหตุการณ์ “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้มาเข้าร่างของอาจารย์หญิงท่านนั้น.. “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้มาบอกอะไรให้กับพวกเรา ! … สิ่งนี้คงตอบยากเพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็น “ ปาฏิหาริย์เสด็จเตี่ย ” อย่างแน่นอน !
เล่าเรื่องจริง..ปาฏิหาริย์ " เสด็จเตี่ย "
ที่เกิดกับตัวผู้จัดทำเว็บไซต์
...........................................
ประมาณปี พ.ศ.2533 จาก ข้าราชการทหาร ผม (ผู้จัดทำเว็บไซต์) ได้โอนมารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ที่ กองแผนงาน กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ( ณ ปัจจุบัน กองแผนงาน กรมสามัญศึกษา ได้เปลี่ยนเป็น สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน
)
แม้ว่าผมจะเป็นข้าราชการพลเรือนไปแล้วก็ตามแต่คำนำหน้ายศของผมยังใช้อยู่..ทำให้ผมไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยรับใช้..กองทัพเรือ..ซึ่งผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า
“ เสด็จเตี่ย ” ท่านจะคอยคุ้มครองผมแม้ว่าผมจะจากที่นั่นมาแล้วก็ตาม
แต่ผมได้ห้อย เหรียญเสด็จเตี่ยรุ่นที่ระลึกทหารเสือกรมหลวงชุมพร 19 พ.ค.2532 ไว้ที่คอของผมตลอดเวลา... เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผมไม่ลืมว่าผมเป็น
“ ลูกราชนาวี
คนหนึ่ง ” ( .. หมายเหตุ : ดูภาพเหรียญเสด็จเตี่ยรุ่นนี้ได้ใน..พระของผู้จัดทำเว็บไซต์ใน ลำดับที่ 15 ได้นะครับ )
วันนั้น เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ....ข้าราชการและลูกจ้างประจำ
สังกัด กองแผนงาน กรมสามัญศึกษา ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษา ณ จังหวัดภูเก็ต
และขากลับก็มาแวะกันที่จังหวัดชุมพรด้วย ซึ่งเป็นที่มาของเรื่องที่ทำให้ผมได้พบกับปาฏิหาริย์ของ
“ เสด็จเตี่ย ” วันนั้น..
ทุกคนมารอขึ้นรถทัวร์กันที่หน้ากระทรวงศึกษา
ผมมาถึงแต่เช้าเพราะบ้านอยู่ใกล้และรถเมล์ก็ไม่ติดทำให้การเดินทางในเช้าวันนั้นผมมาถึงเป็นคนแรก....ผมได้คุยกับคนขับรถพอได้ทราบว่าหมายกำหนดมีรถทัวร์
2 คัน ในการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ ผมได้เลือกที่นั่งใกล้หน้าต่างเพราะอยากมองเห็นทิวทัศน์ขณะรถทัวร์วิ่งผ่านไปยังจังหวัดต่าง
ๆ และก่อนเดินทางออกจากกระทรวงผมได้ยกมือขึ้นพนมและในมือของผมได้กำเหรียญเสด็จเตี่ยเอาไว้พร้อมกับอธิษฐานขอให้ท่านคุ้มครองผมและทุกคนที่ออกเดินทางด้วย ..
วันนั้นผมเลือกที่จะนั่งรถทัวร์คันที่ 2 ( ซึ่งเป็นคันที่ได้เกิดอุบัติเหตุในวันเดินทางขากลับ
) ...ขาไปทุกคนสนุกกับการได้ไปชมสถานที่ต่าง
ๆ โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าพวกเราไม่ได้นึกถึงเรื่องเลวร้ายต่าง
ๆ
เพราะไม่มีใครอยากจะคิดถึงมันนักหรอก..ทำให้พวกเรามีความสุขมากในการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ แต่พวกเราหารู้ไม่ว่าลางร้ายกำลังจะเข้ามาเยือน
โดยที่ทุกคนไม่มีโอกาสได้รู้.... เช้าวันรุ่งขึ้น ณ จังหวัดภูเก็ต
ทุกคนต่างก็เตรียมตัวเพื่อจะเดินทางกลับไปยังกระทรวง วันนั้นทุกคนกุรีกุจอขึ้นมานั่งรถทัวร์ของตนเองตามที่นั่งในตำแหน่งเหมือนกับขามาจากกรุงเทพฯ
และตอนออกจาก จ.ภูเก็ต ผม.. ( ผู้จัดทำเว็บไซต์ ) ได้นั่งรถทัวร์คันเดิม คือ คันที่ 2
คันที่จะเกิดอุบัติเหตุในเวลาต่อมา
ผมมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างเหมือนมีมลมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนรถทัวร์จากเดิมผมนั่งรถทัวร์คันที่
2 ผมเปลี่ยนใจไปนั่งรถทัวร์คันที่ 1 แทน เมื่อออกเดินทางจาก จ.ชุมพร
หลังจากที่พวกเราได้แวะลงมาไหว้เสด็จเตี่ยกัน ซึ่งคนขับรถทัวร์และทุกคนในรถคันที่
1 ต่างก็แปลกใจ....เพราะนั่นหมายถึงผมไม่มีที่นั่งเพราะตำแหน่งของที่นั่งถูกประจำที่กันไว้หมดแล้ว
ผมไม่มีคำตอบให้กับเพื่อนร่วมเดินทางถ้าหากว่าพวกเขาจะต้องถามเหตุผลตามที่ทุกคนสงสัยว่าทำไมผมจึงต้องเปลี่ยนมานั่งรถทัวร์คันที่ 1 และผมก็ยินดีที่จะยืนอยู่ข้าง
ๆ กับคนขับรถทัวร์ของคันที่ 1 โดยมือหนึ่งของผมได้จับราวกั้นตรงข้าง ๆ
คนขับเอาไว้เพื่อพยุงตัวของผมไม่ให้ล้มขณะยืนบนรถถึงแม้จะไม่มีที่นั่งให้กับผมก็ตาม..
เพื่อน ๆ ที่รถคันที่ 2 ต่างก็ถามหาผมเพราะที่นั่งมันว่างอยู่ 1 ตัว
พวกเขานึกว่าผมยังไม่มาที่รถแต่เมื่อทุกคนรู้ว่าผมเปลี่ยนใจมานั่งรถคันที่ 1 ทุกคนก็ไม่ตามหาผมอีก..เมื่อสัญญาณเสียงให้ออกรถได้ดังขึ้นพนักงานขับรถทัวร์จึงเริ่มออกเดินทางจาก
จ.ชุมพร หลังจากที่พวกเราได้ลงมาแวะไหว้เสด็จเตี่ยกันเพื่อมุ่งสู่กรุงเทพทันที ทุกคนหยิบกระดาษที่มีเนื้อเพลงขึ้นมาร้องกันในรถอย่างสนุกสนานเพื่อเพิ่มสีสันให้กับการเดินทางมาและกลับในครั้งนี้…ผมจำได้ว่าพอรถวิ่งมาได้ไม่นานนัก ซึ่งยังไม่พ้นจาก จ.ชุมพร
ไปเลย ทุกคนที่นั่งมากับรถทัวร์คันที่ 1 ต่างก็ตกใจเมื่อเห็นรถทัวร์ของพวกเราคันที่
2 ที่ขับตามหลังมาในระยะไม่ไกลกันมากนักได้เกิดอุบัติเหตุล้มพลิกตะแครงที่ไหล่ถนนล้อรถทั้งสี่หล้อหงายชี้ฟ้า....ทุกคนที่นั่งมาในรถทัวร์คันที่
1 ได้แต่มองและส่งเสียงร้องกรี๊ด ! และพนักงานขับรถทัวร์คันที่ 1 ก็หยุดรถทันที ณ
เวลานั้นทุกคนทำอะไรไม่ถูก พร้อมทั้งมี เสียงกรี๊ด ดังออกมา ! และก็กลายเป็นเสียงเงียบสนิทตามมาในภายหลัง
ดูเหมือนว่ามันวังเวงอย่างไรบอกไม่ถูกในเวลานั้นเหมือนทุกคนกำลังถูกสะกดจิตให้ตกตะลึงยังไงยังงั้น
ผม (ผู้เขียน) ก็มีอาการเช่นนี้กับพวกเขาด้วย “ อ๊าว...พวกเราลงไปช่วยเพื่อน
ๆ กันเร็ว ” ... เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างมีอำนาจและมีพลังหลังจากผ่านพ้นบรรยากาศที่ผมได้เล่ามาเมื่อสักครู่ก่อนหน้านั้น...มันเป็นเสียงร้องตะโกน “ อ๊าว...” ที่ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าของผมนั่นเอง..เสียงที่ว่านั้นเป็นเสียงของ อาจารย์พวงมณี ชัยเสรี ซึ่งท่านเป็นผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งที่ตะโกนให้พวกเราได้มีสติและรีบลงไปช่วยเพื่อนร่วมเดินทางที่ได้รับอุบัติเหตุ
เสียงร้องตะโกนนั้นเป็นเสียงที่ดังมากจนทุกคนหายตื่นจากความวิตกกังวล
และความกลัวต่าง ๆ ผมได้สติจึงรีบลงไปช่วยเพื่อน ๆ ที่ประสบอุบัติในรถทัวร์คันที่
2 ทันที ผมจำได้ว่าเพื่อนร่วมเดินทางคนแรกที่ผมลงไปช่วยอุ้มขึ้นมาจากรถทัวร์คันที่ 2
คันที่เกิดอุบัติเหตุ คือ อาจารย์ดารากร เพ็ญศิริ (ปัจจุบันอาจารย์ท่านนี้ทำงานอยู่ที่กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ) วันนั้นผมยังจำเหตุการณ์ไม่ลืม...ผมได้ร้องตะโกนลงไปถามอาจารย์ดารากร เพ็ญศิริ ว่า.... “ อาจารย์เจ็บตรงไหนบ้าง ” .... เสียงของอาจารย์ดารากร
ฯ ที่ตอบผมมานั้นดูเหมือนว่าน่าจะเจ็บมากประกอบกับยังตกใจอยู่และบอกผมว่ายังทนเจ็บได้
หลังจากนั้นผมก็ค่อย ๆ ทยอยอุ้มเพื่อนคนอื่น ๆ ขึ้นมาจากซากรถทัวร์ที่พัง และยุบ ....
หลังจากที่ทุกคนได้ช่วยเพื่อนที่ได้รับอุบัติเหตุครั้งนี้ได้หมดทุกคนกันแล้วต่างก็สำรวจดูว่าใครควรนำส่งโรงพยาบาลกันบ้าง
เมื่อทุกคนไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส และไม่มีใครเสียชีวิตหัวหน้าคณะในการจัดทัศนศึกษาครั้งนี้จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพทันทีโดยให้ทุกคนที่นั่งมากลับรถทัวร์คันที่
2 มานั่งรวมกันกับเพื่อน ๆ ในคันที่ 1 หลังจากนั้นพวกเราก็มาแวะที่โรงพยาบาลทับสะแก
เพื่อให้เพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บทำแผล และที่โรงพยาลแห่งนี้พวกเราทุกคนต่างก็ได้พบศพของคนขับรถจักรยานยนต์ที่ขับปาดหน้ารถทัวร์คันที่
2 ด้วย... วันนั้นการเดินทางจากรถ
สองคันกลายเป็นการเดินทางด้วยรถหนึ่งคันในวันกลับ..บ้างก็ยืนบ้างก็เบียดกันอากาศในรถก็ร้อนแต่ทุกคนโชคดีที่ผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นมาได้อย่างปลอดภัย
..ขณะที่รถทัวร์ยังไม่ผ่านเลยจังหวัดชุมพรไปนั้น......ผม ได้ยืนบนรถและนึกทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตอนขามาผมนั่งรถทัวร์คันที่เกิดอุบัติเหตุ..แต่ทำไมขากลับผมจึงเปลี่ยนใจมานั่งรถทัวร์คันที่
1 แทนหลังจากที่ผมและเพื่อน ๆ ลงมาแวะไหว้เสด็จเตี่ยกันที่ จ.ชุมพร ทั้ง ๆ
ที่ผมต้องยืนตลอดทางในวันกลับโดยยืนอยู่ข้าง ๆ คนขับรถทัวร์ของคันที่ 1 เพราะที่นั่งทุกตัวได้วางตัวบุคคลเอาไว้แล้วทำให้ผมไม่สามารถไปแย้งที่นั่งกับใครได้..
ผมไม่รู้สึกเหนื่อยหรือยังไงถ้าจะยืนแบบนี้ไปจนถึงกรุงเทพฯ มันเป็นคำถามที่อยู่ในใจของผม
ณ เวลานั้น แต่ผมเลือกที่จะยืน ..มันเป็นคำตอบที่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง หรือ “ เสด็จเตี่ย ” ท่านมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนใจมาขึ้นรถคันที่
1 แทน ทั้ง ๆ ที่ผมจะต้องนั่งรถทัวร์คันที่ 2 ซึ่งเป็นคันที่เกิดอุบัติเหตุในวันกลับ
ผมนึกไปก็ขนลุกไปเพราะผมแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ ปาฏิหาริย์ ” ผมนึกถึงเสด็จเตี่ยที่ผมได้ห้อยไว้ที่คอของผมอยู่และนึกถึงตอนวันแรกที่รถทัวร์ออกเดินทางที่จอดอยู่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ
ผมอธิษฐานให้การเดินทางในครั้งนี้ขอให้ตัวผมและเพื่อน ๆ เดินทางกันอย่างปลอดภัยขอให้เสด็จเตี่ยคุ้มครองพวกเราด้วย..คำอธิษฐานพร้อมยกมือไหว้เหรียญเสด็จเตี่ยที่คล้องคอของผมในตอนนั้นเป็นจริง
แล้ว !..หลังจากที่ผมได้นึกทบทวนว่าผมและเพื่อน
ๆ รอดกันมาโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสและไม่มีใครเสียชีวิต
มีแต่เพียงบาดเจ็บกันเล็ก ๆ น้อย
ซึ่งคนบาดเจ็บสามารถทนเจ็บได้เพื่อหวังว่าจะได้กลับบ้านกันก็เป็นคำตอบที่ทำให้ผมได้รับรู้ว่า..คงเป็นเพราะพระบารมีของเสด็จเตี่ยแน่นอน
และยังไม่ทันที่ผมจะหายตกใจไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ร่วมเดินทางก็เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คลาดคิดอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นอย่างมีอำนาจเหมือนกลับว่ามีใครก็ไม่รู้มานั่งรวมอยู่ในรถคันนี้ด้วยอีกคนหนึ่ง
“ ทุกคนไม่ต้องตกใจและไม่ต้องกลัว
เสด็จเตี่ยจะคุ้มครองทุกคนให้เดินทางปลอดภัย ” เสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นเสียงที่ดุดันและมีอำนาจมาก
มันเป็นเสียงจากอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิง ทุกคนที่นั่งมาในรถต่างก็กวาดสายตาไปยังที่มาของเสียงที่ดังขึ้นนั้นทันที
ซึ่งขณะนั้นทุกคนก็ยังอยู่ในอาการเงียบไม่มีใครพูดคุยกันในรถเพราะทุกคนหวังเพียงว่าขอให้พวกเราเดินทางกลับกันเร็ว
ๆ เพราะอากาศมันร้อนมาก และพวกเราที่นั่งเบียดเสียดกันมาในรถก็เปลี่ยนมาเป็นความหวาดกลัวแทนเมื่อได้ยินเสียงแผดตะโกนอย่างมีมลสะกิดนั้น ! เพราะเสียงนั้นเป็นเสียงผู้ชายในร่างของอาจารย์ผู้หญิง ที่พูดว่า “ ทุกคนไม่ต้องตกใจและไม่ต้องกลัว
เสด็จเตี่ยจะคุ้มครองทุกคนให้เดินทางปลอดภัย ” ตอนนั้นทุกคนเข้าใจว่า “ เสด็จเตี่ย ” ท่านคงมาเข้าร่างอาจารย์ท่านนี้เพื่อมาบอกอะไรบางอย่างให้พวกเราให้สบายใจและมั่นใจว่าการเดินทางต่อไปคงปลอดภัยเพราะท่านที่กำลังอยู่ในร่างทรงได้บอกกล่าวไว้เช่นนั้น
ทุกคนในรถทัวร์ต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไรกันนอกเสียจากสวมกอดกันและกันอย่างตกอกตกใจกับสิ่งเหลือเชื่อนี้
และทุกคนต่างก็มองหน้ากันอย่างงง ๆ เพราะความหวาดกลัว...เพราะกลัวว่านอกจากคำพูดของร่างทรงแล้วจะมีอะไรเกิดตามมาอีกหรือปล่าวก็ไม่รู้
ความสับสน ความกระวนกะวาย เริ่มเข้ามาเยือนพวกเราแล้วในความรู้สึก ณ ตอนนั้น
แต่เหตุการณ์ก็ค่อย ๆ เริ่มดีขึ้นเมื่ออาจารย์หญิงท่านนั้นหายจากอาการร่างทรงของกรมหลวงชุมพรฯ
ที่ท่านได้เสด็จออกไป ! ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้คนที่อยู่ในรถทัวร์ทุกคนต่างก็เชื่อว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยากที่จะเข้าใจได้เพราะมันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่จะบอกผู้ร่วมเดินทางว่า..มันเกิดขึ้นได้อย่างไรในสถานการณ์แบบนี้นอกเสียจากคนที่ได้พบและประสบมากับตัวเองเท่านั้น
ซึ่งก็คือพวกเราในรถคันนี้ เมื่อทุกคนตั้งสติได้แล้วรวมทั้งอาจารย์หญิงท่านนี้ด้วยรถทัวร์ก็ได้ขับออกไปอย่างช้า
ๆ เพื่อให้กลับไปยังปลายทางอย่างปลอดภัยในบรรยากาศที่เงียบวังเวงเหมือนกับทุกคนถูกกำหนดให้อยู่ในอาการพิศวงแต่พูดออกมาไม่ได้เพราะทุกคนไม่มีอะไรจะคุยกันนอกเสียจากอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่รถคันที่
2 ได้เกิดอุบัติเหตุ และก็ยังเกิดเหตุการณ์ร่างทรงของ “ เสด็จเตี่ย ” มาปรากฏให้พวกเราได้เห็นตามมาอีกระรอกหนึ่ง
! ทุกคนที่มาเที่ยวกันในครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าผมได้อธิษฐานอะไรไว้ก่อนที่พวกเราจะเดินทางออกจากหน้ากระทรวงและวันที่เดินทางกลับมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้
และในวันนั้นผมก็ได้ห้อยเหรียญเสด็จเตี่ย รุ่นที่ระลึกทหารเสือกรมหลวงชุมพร 19 พ.ค.2532 ไว้ที่คอด้วย ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมได้ทำความดีไว้สมัยตอนที่ผมช่วยหารายได้ให้กับ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
กรมแพทย์ทหารเรือ ในครั้งนั้นคงมีส่วนช่วยคุ้มครองชีวิตของผมและเพื่อนร่วมเดินทางทุกคนตามที่ผมได้อธิษฐานไว้...
หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพวกเราได้อธิษฐานขอพรจากเสด็จเตี่ยกันตอนที่ทุกคนลงไปไหว้ท่านที่ศาลกรมหลวงชุมพร
ณ หาดทรายรี ก่อนขึ้นรถทัวร์เดินทางกลับซึ่งก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน ! ท่านที่ได้อ่านเรื่องราว " ปาฎิหาริย์ เสด็จเตี่ย " อาจจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มีจริงหรือ..แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคณะเดินทางของผู้เขียนที่ประสบพบมากันครับ
และที่สำคัญมันเป็นเรื่องลี้ลับที่คนเห็นมากับตาเท่านั้นที่จะเล่าเรื่องได้ถูกต้อง
และทุกคนที่เดินทางมาทัศนศึกษาในครั้งนั้นต่างก็เชื่อกันว่ามันเป็นปาฏิหาริย์เสด็จเตี่ยอย่างน่าอัศจรรย์ ครับ ! ตอนแรก...ผมกะว่าจะไม่ลงชื่ออาจารย์หญิงที่เสด็จเตี่ยท่านมาเข้าร่างทรงในวันนั้นที่บนรถทัวร์
ผมได้คิดอยู่นานว่าจะลงชื่ออาจารย์ท่านนี้ดีหรือไม่ในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจที่จะโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ท่านนี้และบอกกับอาจารย์ว่าผมขออนุญาตนำเรื่องของอาจารย์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นมาเผยแพร่เรื่องราวปาฏิหาริย์ของเสด็จเตี่ยในวันนั้นได้หรือไม่อาจารย์ท่านนี้ตอบผมมาแบบไม่ต้องคิดและตอบทันทีว่า
“ ได้เลย… เพราะมันเป็นเรื่องจริง ” ตอนแรกผมคิดว่าอาจารย์ท่านนี้ท่านคงจะไม่อยากให้ผมนำไปเล่าให้ใครฟังเพราะอาจจะมีคนเชื่อหรือไม่เชื่อ
แต่คำตอบจากเสียงโทรศัพท์ของอาจารย์ท่านนี้ที่ตอบอย่างมั่นใจว่า .... “ มันเป็นเรื่องจริง ” ..... ทำให้ ผมตัดสินใจที่จะนำเรื่องราวในวันนั้นมาเรียงร้อยถ้อยคำและค่อย
ๆ ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ว่า...เรื่องแบบนี้ก็มีจริง...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
! ปัจจุบันอาจารย์หญิงที่กรมหลวงชุมพร
เขตอุดมศักดิ์ ท่านมาเข้าร่างและ “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้บอกพวกเราในวันนั้น...คือ
“ อาจารย์กาญจนา
เซ่งตระกูล ” ปัจจุบันอาจารย์ท่านนี้สอนอยู่ที่
โรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ครับ
บทวิเคราะห์ : ปาฎิหาริย์ในครั้งนี้
(1 ) ...... เมื่อถึงวันเดินทางกลับรถทัวร์ออกจากภูเก็ต ผมก็ยังนั่งรถคันเดิม คือ คันที่ 2 พอหลังจากที่ผมและเพื่อน ๆ ได้ลงมาแวะไหว้ “ เสด็จเตี่ย ” กันแล้ว ผมก็ได้เปลี่ยนใจมานั่งรถคันที่ 1 แทน ทำไมและ มีอะไรมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนใจเช่นนั้น...ซึ่งถ้าผมไม่เปลี่ยนมานั่งรถคันที่ 1 ผมก็คงต้องเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุด้วยคนหนึ่งในรถทัวร์คันที่ 2 ! ซึ่งผมเชื่อเป็นเพราะ “ ปาฏิหาริย์ ” และตอนที่ผมเดินมาเปลี่ยนคันที่จะนั่งตอนขากลับที่ จ.ชุมพร นั้นในใจของผมตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเพราะอะไร.. เพราะทำไมจึงได้คิดเช่นนั้น.....มันเหมือนมีมลมาสะกดผมให้เดินไปที่รถคันที่ 1 ซึ่งสิ่งนี้เองที่ผมไม่สามารถหาคำตอบได้เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎธรรมชาติ แต่ผมเชื่อว่า ณ ตอนนั้น “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้มาคุ้มครองและปกป้องชีวิตของผมอย่างแน่นอน
(2) ..... สภาพรถทัวร์คันที่ 2 คันที่เกิดอุบัติเหตุดูแล้วน่าจะมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็มีเสียชีวิตเพราะรถคว่ำทั้งคันเหมือนกับเทกระจาดล้อของรถก็ชี้ฟ้าแต่คนในรถไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีใครเสียชีวิต ... ผมเคยอ่านในหน้าหนังสือพิมพ์..บ่อยครั้งที่มีการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยเฉพาะรถทัวร์ด้วยแล้วมักจะมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือตายเกิดขึ้น...ผมจึงได้นึกถึงวันที่พวกเราได้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมพวกเราที่ไปทัศนศึกษาไม่มีใครเจ็บหนัก หรือตายกันเลย หรืออาจจะเป็นเพราะคำว่าปาฏิหาริย์ และปาฏิหาริย์ที่ว่านั้นก็คือปาฏิหาริย์ของเสด็จเตี่ย
(3) ..... หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันในรถทัวร์คันที่ 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำไมเกิดเหตุการณ์ “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้มาเข้าร่างของอาจารย์หญิงท่านนั้น.. “ เสด็จเตี่ย ” ท่านได้มาบอกอะไรให้กับพวกเรา ! … สิ่งนี้คงตอบยากเพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็น “ ปาฏิหาริย์เสด็จเตี่ย ” อย่างแน่นอน !
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)