สถิติ : - จำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บรวมถึง ณ ตอนนี้

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556


.... ภาพ " ผู้จัดทำเว็บไซต์ " ...
ผม..จะห้อยเหรียญเสด็จเตี่ยติดตัวไว้เสมอ
เพื่อให้พระองค์ท่านคอยปกปักรักษา และคุ้มครองให้ผมปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ นานา 
จึงเป็นที่มา..ในการจัดทำเว็บไซต์ พระเครื่องสมัยเก่าและกรมหลวงชุมพรฯ โดย จ.อ.รัฐติพงศ์ เสนีโสด
ผม..หวังว่าท่านที่เข้ามาชมเว็บไซต์นี้คงได้สาระดี ๆ ไม่มากก็น้อย..นะครับ

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556


...... ถ้าท่านประสงค์จะนำเสนอพระเครื่อง ของ ท่าน !

หมายเหตุ : - ฟรีในที่นี้หมายถึง..ฟรีสำหรับที่อยู่เว็บไซต์ ( คือ ไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน )


**** ภาพนี้..เมื่อครั้ง ผู้จัดทำเว็บไซต์ รับราชการทหารเรือ ที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ครับ !


..... ภาพ ผู้จัดทำเว็บไซต์ กับ รูปหล่อ " เสด็จเตี่ย " พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ของ ผม ครับ ! .....

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

... ภาพพระพักตร์เต็มใบหน้า 3 ด้าน ของ รูปหล่อ " เสด็จเตี่ย " ที่ได้ขยายใหญ่...ของผมครับ ! 




เล่าเรื่องจริง..ปาฏิหาริย์ " เสด็จเตี่"
ที่เกิดกับตัวผู้จัดทำเว็บไซต์

...........................................


                    
                       ประมาณปี พ.ศ.2533 จาก ข้าราชการทหาร ผม (ผู้จัดทำเว็บไซต์) ได้โอนมารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ที่ กองแผนงาน กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ( ณ ปัจจุบัน กองแผนงาน กรมสามัญศึกษา ได้เปลี่ยนเป็น สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ) 
                      แม้ว่าผมจะเป็นข้าราชการพลเรือนไปแล้วก็ตามแต่คำนำหน้ายศของผมยังใช้อยู่..ทำให้ผมไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยรับใช้..กองทัพเรือ..ซึ่งผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า เสด็จเตี่ย  ท่านจะคอยคุ้มครองผมแม้ว่าผมจะจากที่นั่นมาแล้วก็ตาม แต่ผมได้ห้อย เหรียญเสด็จเตี่ยรุ่นที่ระลึกทหารเสือกรมหลวงชุมพร 19 พ.ค.2532 ว้ที่คอของผมตลอดเวลา... เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผมไม่ลืมว่าผมเป็น ลูกราชนาวี คนหนึ่ง ”  ( .. หมายเหตุ : ดูภาพเหรียญเสด็จเตี่ยรุ่นนี้ได้ใน..พระของผู้จัดทำเว็บไซต์ใน ลำดับที่ 15 ได้นะครับ )

                    วันนั้น เมื่อ 20 กว่าปีก่อน  ....ข้าราชการและลูกจ้างประจำ สังกัด กองแผนงาน กรมสามัญศึกษา ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษา ณ จังหวัดภูเก็ต และขากลับก็มาแวะกันที่จังหวัดชุมพรด้วย ซึ่งเป็นที่มาของเรื่องที่ทำให้ผมได้พบกับปาฏิหาริย์ของ เสด็จเตี่ย วันนั้น.. ทุกคนมารอขึ้นรถทัวร์กันที่หน้ากระทรวงศึกษา ผมมาถึงแต่เช้าเพราะบ้านอยู่ใกล้และรถเมล์ก็ไม่ติดทำให้การเดินทางในเช้าวันนั้นผมมาถึงเป็นคนแรก....ผมได้คุยกับคนขับรถพอได้ทราบว่าหมายกำหนดมีรถทัวร์ 2 คัน ในการไปทัศนศึกษาครั้งนี้  ผมได้เลือกที่นั่งใกล้หน้าต่างเพราะอยากมองเห็นทิวทัศน์ขณะรถทัวร์วิ่งผ่านไปยังจังหวัดต่าง ๆ และก่อนเดินทางออกจากกระทรวงผมได้ยกมือขึ้นพนมและในมือของผมได้กำเหรียญเสด็จเตี่ยเอาไว้พร้อมกับอธิษฐานขอให้ท่านคุ้มครองผมและทุกคนที่ออกเดินทางด้วย .. วันนั้นผมเลือกที่จะนั่งรถทัวร์คันที่ 2   ( ซึ่งเป็นคันที่ได้เกิดอุบัติเหตุในวันเดินทางขากลับ )  ...ขาไปทุกคนสนุกกับการได้ไปชมสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าพวกเราไม่ได้นึกถึงเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ เพราะไม่มีใครอยากจะคิดถึงมันนักหรอก..ทำให้พวกเรามีความสุขมากในการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ แต่พวกเราหารู้ไม่ว่าลางร้ายกำลังจะเข้ามาเยือน โดยที่ทุกคนไม่มีโอกาสได้รู้.... เช้าวันรุ่งขึ้น ณ จังหวัดภูเก็ต ทุกคนต่างก็เตรียมตัวเพื่อจะเดินทางกลับไปยังกระทรวง วันนั้นทุกคนกุรีกุจอขึ้นมานั่งรถทัวร์ของตนเองตามที่นั่งในตำแหน่งเหมือนกับขามาจากกรุงเทพฯ และตอนออกจาก จ.ภูเก็ต   ผม.. ( ผู้จัดทำเว็บไซต์ ) ได้นั่งรถทัวร์คันเดิม คือ คันที่ 2 คันที่จะเกิดอุบัติเหตุในเวลาต่อมา  ผมมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างเหมือนมีมลมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนรถทัวร์จากเดิมผมนั่งรถทัวร์คันที่ 2 ผมเปลี่ยนใจไปนั่งรถทัวร์คันที่ 1 แทน เมื่อออกเดินทางจาก จ.ชุมพร หลังจากที่พวกเราได้แวะลงมาไหว้เสด็จเตี่ยกัน   ซึ่งคนขับรถทัวร์และทุกคนในรถคันที่ 1 ต่างก็แปลกใจ....เพราะนั่นหมายถึงผมไม่มีที่นั่งเพราะำแหน่งของที่นั่งถูกประจำที่กันไว้หมดแล้ว ผมไม่มีคำตอบให้กับเพื่อนร่วมเดินทางถ้าหากว่าพวกเขาจะต้องถามเหตุผลตามที่ทุกคนสงสัยว่าทำไมผมจึงต้องเปลี่ยนมานั่งรถทัวร์คันที่ 1 และผมก็ยินดีที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ กับคนขับรถทัวร์ของคันที่ 1 โดยมือหนึ่งของผมได้จับราวกั้นตรงข้าง ๆ คนขับเอาไว้เพื่อพยุงตัวของผมไม่ให้ล้มขณะยืนบนรถถึงแม้จะไม่มีที่นั่งให้กับผมก็ตาม.. เพื่อน ๆ ที่รถคันที่ 2 ต่างก็ถามหาผมเพราะที่นั่งมันว่างอยู่ 1 ตัว พวกเขานึกว่าผมยังไม่มาที่รถแต่เมื่อทุกคนรู้ว่าผมเปลี่ยนใจมานั่งรถคันที่ 1 ทุกคนก็ไม่ตามหาผมอีก..เมื่อสัญญาณเสียงให้ออกรถได้ดังขึ้นพนักงานขับรถทัวร์จึงเริ่มออกเดินทางจาก จ.ชุมพร หลังจากที่พวกเราได้ลงมาแวะไหว้เสด็จเตี่ยกันเพื่อมุ่งสู่กรุงเทพทันที ทุกคนหยิบกระดาษที่มีเนื้อเพลงขึ้นมาร้องกันในรถอย่างสนุกสนานเพื่อเพิ่มสีสันให้กับการเดินทางมาและกลับในครั้งนี้ผมจำได้ว่าพอรถวิ่งมาได้ไม่นานนัก ซึ่งยังไม่พ้นจาก จ.ชุมพร ไปเลย ทุกคนที่นั่งมากับรถทัวร์คันที่ 1 ต่างก็ตกใจเมื่อเห็นรถทัวร์ของพวกเราคันที่ 2 ที่ขับตามหลังมาในระยะไม่ไกลกันมากนักได้เกิดอุบัติเหตุล้มพลิกตะแครงที่ไหล่ถนนล้อรถทั้งสี่หล้อหงายชี้ฟ้า....ทุกคนที่นั่งมาในรถทัวร์คันที่ 1 ได้แต่มองและส่งเสียงร้องกรี๊ด ! และพนักงานขับรถทัวร์คันที่ 1 ก็หยุดรถทันที ณ เวลานั้นทุกคนทำอะไรไม่ถูก พร้อมทั้งมี เสียงกรี๊ด ดังออกมา ! และก็กลายเป็นเสียงเงียบสนิทตามมาในภายหลัง ดูเหมือนว่ามันวังเวงอย่างไรบอกไม่ถูกในเวลานั้นเหมือนทุกคนกำลังถูกสะกดจิตให้ตกตะลึงยังไงยังงั้น ผม (ผู้เขียน) ก็มีอาการเช่นนี้กับพวกเขาด้วย  อ๊าว...พวกเราลงไปช่วยเพื่อน ๆ กันเร็ว    ...  เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างมีอำนาจและมีพลังหลังจากผ่านพ้นบรรยากาศที่ผมได้เล่ามาเมื่อสักครู่ก่อนหน้านั้น...มันเป็นเสียงร้องตะโกน  อ๊าว...  ที่ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าของผมนั่นเอง..เสียงที่ว่านั้นเป็นเสียงของ อาจารย์พวงมณี ชัยเสรี ซึ่งท่านเป็นผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งที่ตะโกนให้พวกเราได้มีสติและรีบลงไปช่วยเพื่อนร่วมเดินทางที่ได้รับอุบัติเหตุ เสียงร้องตะโกนนั้นเป็นเสียงที่ดังมากจนทุกคนหายตื่นจากความวิตกกังวล และความกลัวต่าง ๆ ผมได้สติจึงรีบลงไปช่วยเพื่อน ๆ ที่ประสบอุบัติในรถทัวร์คันที่ 2 ทันที ผมจำได้ว่าเพื่อนร่วมเดินทางคนแรกที่ผมลงไปช่วยอุ้มขึ้นมาจากรถทัวร์คันที่ 2  คันที่เกิดอุบัติเหตุ คือ  อาจารย์ดารากร เพ็ญศิริ   (ปัจจุบันอาจารย์ท่านนี้ทำงานอยู่ที่กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ)  วันนั้นผมยังจำเหตุการณ์ไม่ลืม...ผมได้ร้องตะโกนลงไปถามอาจารย์ดารากร เพ็ญศิริ ว่า.... อาจารย์เจ็บตรงไหนบ้าง .... เสียงของอาจารย์ดารากร ฯ ที่ตอบผมมานั้นดูเหมือนว่าน่าจะเจ็บมากประกอบกับยังตกใจอยู่และบอกผมว่ายังทนเจ็บได้ หลังจากนั้นผมก็ค่อย ๆ ทยอยอุ้มเพื่อนคนอื่น ๆ ขึ้นมาจากซากรถทัวร์ที่พัง และยุบ .... หลังจากที่ทุกคนได้ช่วยเพื่อนที่ได้รับอุบัติเหตุครั้งนี้ได้หมดทุกคนกันแล้วต่างก็สำรวจดูว่าใครควรนำส่งโรงพยาบาลกันบ้าง เมื่อทุกคนไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส และไม่มีใครเสียชีวิตหัวหน้าคณะในการจัดทัศนศึกษาครั้งนี้จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพทันทีโดยให้ทุกคนที่นั่งมากลับรถทัวร์คันที่ 2 มานั่งรวมกันกับเพื่อน ๆ ในคันที่ 1 หลังจากนั้นพวกเราก็มาแวะที่โรงพยาบาลทับสะแก เพื่อให้เพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บทำแผล และที่โรงพยาลแห่งนี้พวกเราทุกคนต่างก็ได้พบศพของคนขับรจักรยานยนต์ที่ขับปาดหน้ารถทัวร์คันที่ 2 ด้วย... วันนั้นการเดินทางจากรถ สองคันกลายเป็นการเดินทางด้วยรถหนึ่งคันในวันกลับ..บ้างก็ยืนบ้างก็เบียดกันอากาศในรถก็ร้อนแต่ทุกคนโชคดีที่ผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้นมาได้อย่างปลอดภัย ..ขณะที่รถทัวร์ยังไม่ผ่านเลยจังหวัดชุมพรไปนั้น......ผม ด้ยืนบนรถและนึกทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนขามาผมนั่งรถทัวร์คันที่เกิดอุบัติเหตุ..แต่ทำไมขากลับผมจึงเปลี่ยนใจมานั่งรถทัวร์คันที่ 1 แทนหลังจากที่ผมและเพื่อน ๆ ลงมาแวะไหว้เสด็จเตี่ยกันที่ จ.ชุมพร ทั้ง ๆ ที่ผมต้องยืนตลอดทางในวันกลับโดยยืนอยู่ข้าง ๆ คนขับรถทัวร์ของคันที่ 1 เพราะที่นั่งทุกตัวได้วางตัวบุคคลเอาไว้แล้วทำให้ผมไม่สามารถไปแย้งที่นั่งกับใครได้.. ผมไม่รู้สึกเหนื่อยหรือยังไงถ้าจะยืนแบบนี้ไปจนถึงกรุงเทพฯ มันเป็นคำถามที่อยู่ในใจของผม ณ เวลานั้น แต่ผมเลือกที่จะยืน ..มันเป็นคำตอบที่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง หรือ เสด็จเตี่ย ท่านมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนใจมาขึ้นรถคันที่ 1 แทน ทั้ง ๆ ที่ผมจะต้องนั่งรถทัวร์คันที่ 2 ซึ่งเป็นคันที่เกิดอุบัติเหตุในวันกลับ  ผมนึกไปก็ขนลุกไปเพราะผมแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ปาฏิหาริย์    ผมนึกถึงเสด็จเตี่ยที่ผมได้ห้อยไว้ที่คอของผมอยู่และนึกถึงตอนวันแรกที่รถทัวร์ออกเดินทางที่จอดอยู่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ผมอธิษฐานให้การเดินทางในครั้งนี้ขอให้ตัวผมและเพื่อน ๆ เดินทางกันอย่างปลอดภัยขอให้เสด็จเตี่ยคุ้มครองพวกเราด้วย..คำอธิษฐานพร้อมยกมือไหว้เหรียญเสด็จเตี่ยที่คล้องคอของผมในตอนนั้นเป็นจริง แล้ว !..หลังจากที่ผมได้นึกทบทวนว่าผมและเพื่อน ๆ รอดกันมาโดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสและไม่มีใครเสียชีวิต มีแต่เพียงบาดเจ็บกันเล็ก ๆ น้อย ซึ่งคนบาดเจ็บสามารถทนเจ็บได้เพื่อหวังว่าจะได้กลับบ้านกันก็เป็นคำตอบที่ทำให้ผมได้รับรู้ว่า..คงเป็นเพราะพระบารมีของเสด็จเตี่ยแน่นอน และยังไม่ทันที่ผมจะหายตกใจไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ร่วมเดินทางก็เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คลาดคิดอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นอย่างมีอำนาจเหมือนกลับว่ามีใครก็ไม่รู้มานั่งรวมอยู่ในรถคันนี้ด้วยอีกคนหนึ่ง    ทุกคนไม่ต้องตกใจและไม่ต้องกลัว เสด็จเตี่ยจะคุ้มครองทุกคนให้เดินทางปลอดภั     เสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นเสียงที่ดุดันและมีอำนาจมาก มันเป็นเสียงจากอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิง ทุกคนที่นั่งมาในรถต่างก็กวาดสายตาไปยังที่มาของเสียงที่ดังขึ้นนั้นทันที ซึ่งขณะนั้นทุกคนก็ยังอยู่ในอาการเงียบไม่มีใครพูดคุยกันในรถเพราะทุกคนหวังเพียงว่าขอให้พวกเราเดินทางกลับกันเร็ว ๆ เพราะอากาศมันร้อนมาก และพวกเราที่นั่งเบียดเสียดกันมาในรถก็เปลี่ยนมาเป็นความหวาดกลัวแทนเมื่อได้ยินเสียงแผดตะโกนอย่างมีมลสะกิดนั้น !  เพราะเสียงนั้นเป็นเสียงผู้ชายในร่างของอาจารย์ผู้หญิง ที่พูดว่า ทุกคนไม่ต้องตกใจและไม่ต้องกลัว เสด็จเตี่ยจะคุ้มครองทุกคนให้เดินทางปลอดภัย    ตอนนั้นทุกคนเข้าใจว่า เสด็จเตี่ย ท่านคงมาเข้าร่างอาจารย์ท่านนี้เพื่อมาบอกอะไรบางอย่างให้พวกเราให้สบายใจและมั่นใจว่าการเดินทางต่อไปคงปลอดภัยเพราะท่านที่กำลังอยู่ในร่างทรงได้บอกกล่าวไว้เช่นนั้น ทุกคนในรถทัวร์ต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไรกันนอกเสียจากสวมกอดกันและกันอย่างตกอกตกใจกับสิ่งเหลือเชื่อนี้ และทุกคนต่างก็มองหน้ากันอย่างงง ๆ เพราะความหวาดกลัว...เพราะกลัวว่านอกจากคำพูดของร่างทรงแล้วจะมีอะไรเกิดตามมาอีกหรือปล่าวก็ไม่รู้ ความสับสน ความกระวนกะวาย เริ่มเข้ามาเยือนพวกเราแล้วในความรู้สึก ณ ตอนนั้น แต่เหตุการณ์ก็ค่อย ๆ เริ่มดีขึ้นเมื่ออาจารย์หญิงท่านนั้นหายจากอาการร่างทรงของกรมหลวงชุมพรฯ ที่ท่านได้เสด็จออกไป !  ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้คนที่อยู่ในรถทัวร์ทุกคนต่างก็เชื่อว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยากที่จะเข้าใจได้เพราะมันอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่จะบอกผู้ร่วมเดินทางว่า..มันเกิดขึ้นได้อย่างไรในสถานการณ์แบบนี้นอกเสียจากคนที่ได้พบและประสบมากับตัวเองเท่านั้น ซึ่งก็คือพวกเราในรถคันนี้  เมื่อทุกคนตั้งสติได้แล้วรวมทั้งอาจารย์หญิงท่านนี้ด้วยรถทัวร์ก็ได้ขับออกไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้กลับไปยังปลายทางอย่างปลอดภัยในบรรยากาศที่เงียบวังเวงเหมือนกับทุกคนถูกกำหนดให้อยู่ในอาการพิศวงแต่พูดออกมาไม่ได้เพราะทุกคนไม่มีอะไรจะคุยกันนอกเสียจากอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่รถคันที่ 2 ได้เกิดอุบัติเหตุ และก็ยังเกิดเหตุการณ์ร่างทรงของ เสด็จเตี่ย มาปรากฏให้พวกเราได้เห็นตามมาอีกระรอกหนึ่ง !   ทุกคนที่มาเที่ยวกันในครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าผมได้อธิษฐานอะไรไว้ก่อนที่พวกเราจะเดินทางออกจากหน้ากระทรวงและวันที่เดินทางกลับมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และในวันนั้นผมก็ได้ห้อยเหรียญเสด็จเตี่ย รุ่นที่ระลึกทหารเสือกรมหลวงชุมพร 19 พ.ค.2532 ไว้ที่คอด้วย     ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมได้ทำความดีไว้สมัยตอนที่ผมช่วยหารายได้ให้กับ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ในครั้งนั้นคงมีส่วนช่วยคุ้มครองชีวิตของผมและเพื่อนร่วมเดินทางทุกคนตามที่ผมได้อธิษฐานไว้... หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพวกเราได้อธิษฐานขอพรจากเสด็จเตี่ยกันตอนที่ทุกคนลงไปไหว้ท่านที่ศาลกรมหลวงชุมพร ณ หาดทรายรี ก่อนขึ้นรถทัวร์เดินทางกลับซึ่งก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน ! ท่านที่ได้อ่านเรื่องราว " ปาฎิหาริย์ เสด็จเตี่ย "  อาจจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มีจริงหรือ..แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคณะเดินทางของผู้เขียนที่ประสบพบมากันครับ และที่สำคัญมันเป็นเรื่องลี้ลับที่คนเห็นมากับตาเท่านั้นที่จะเล่าเรื่องได้ถูกต้อง และทุกคนที่เดินทางมาทัศนศึกษาในครั้งนั้นต่างก็เชื่อกันว่ามันเป็นปาฏิหาริย์เสด็จเตี่ยอย่างน่าอัศจรรย์ ครับ  !   ตอนแรก...ผมกะว่าจะไม่ลงชื่ออาจารย์หญิงที่เสด็จเตี่ยท่านมาเข้าร่างทรงในวันนั้นที่บนรถทัวร์ ผมได้คิดอยู่นานว่าจะลงชื่ออาจารย์ท่านนี้ดีหรือไม่ในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจที่จะโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ท่านนี้และบอกกับอาจารย์ว่าผมขออนุญาตนำเรื่องของอาจารย์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นมาเผยแพร่เรื่องราวปาฏิหาริย์ของเสด็จเตี่ยในวันนั้นได้หรือไม่อาจารย์ท่านนี้ตอบผมมาแบบไม่ต้องคิดและตอบทันทีว่า    ได้เลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง  ตอนแรกผมคิดว่าอาจารย์ท่านนี้ท่านคงจะไม่อยากให้ผมนำไปเล่าให้ใครฟังเพราะอาจจะมีคนเชื่อหรือไม่เชื่อ  แต่คำตอบจากเสียงโทรศัพท์ของอาจารย์ท่านนี้ที่ตอบอย่างมั่นใจว่า .... “   มันเป็นเรื่องจริง  ”  .....  ทำให้ ผมตัดสินใจที่จะนำเรื่องราวในวันนั้นมาเรียงร้อยถ้อยคำและค่อย ๆ ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ว่า...เรื่องแบบนี้ก็มีจริง...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ! ปัจจุบันอาจารย์หญิงที่กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ ท่านมาเข้าร่างและ เสด็จเตี่ย ท่านได้บอกพวกเราในวันนั้น...คือ    อาจารย์กาญจนา  เซ่งตระกูล ปัจจุบันอาจารย์ท่านนี้สอนอยู่ที่ โรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ครับ

 บทวิเคราะห์   :   ปาฎิหาริย์ในครั้งนี้
                     
                        (1 ) ...... เมื่อถึงวันเดินทางกลับรถทัวร์ออกจากภูเก็ต ผมก็ยังนั่งรถคันเดิม คือ คันที่ 2 พอหลังจากที่ผมและเพื่อน ๆ ได้ลงมาแวะไหว้ เสด็จเตี่ย กันแล้ว ผมก็ได้เปลี่ยนใจมานั่งรถคันที่ 1 แทน ทำไมและ มีอะไรมาดลบันดาลใจให้ผมเปลี่ยนใจเช่นนั้น...ซึ่งถ้าผมไม่เปลี่ยนมานั่งรถคันที่ 1 ผมก็คงต้องเป็นผู้ประสบอุบัติเหตุด้วยคนหนึ่งในรถทัวร์คันที่ 2 ! ซึ่งผมเชื่อเป็นเพราะ ปาฏิหาริย์ และตอนที่ผมเดินมาเปลี่ยนคันที่จะนั่งตอนขากลับที่ จ.ชุมพร นั้นในใจของผมตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าเพราะอะไร.. เพราะทำไมจึงได้คิดเช่นนั้น.....มันเหมือนมีมลมาสะกดผมให้เดินไปที่รถคันที่ 1  ซึ่งสิ่งนี้เองที่ผมไม่สามารถหาคำตอบได้เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎธรรมชาติ แต่ผมเชื่อว่า ณ ตอนนั้น    เสด็จเตี่ย   ท่านได้มาคุ้มครองและปกป้องชีวิตของผมอย่างแน่นอน  
                        (2) ..... สภาพรถทัวร์คันที่ 2 คันที่เกิดอุบัติเหตุดูแล้วน่าจะมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็มีเสียชีวิตเพราะรถคว่ำทั้งคันเหมือนกับเทกระจาดล้อของรถก็ชี้ฟ้าแต่คนในรถไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีใครเสียชีวิต ... ผมเคยอ่านในหน้าหนังสือพิมพ์..บ่อยครั้งที่มีการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยเฉพาะรถทัวร์ด้วยแล้วมักจะมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือตายเกิดขึ้น...ผมจึงได้นึกถึงวันที่พวกเราได้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมพวกเราที่ไปทัศนศึกษาไม่มีใครเจ็บหนัก หรือตายกันเลย หรืออาจจะเป็นเพราะคำว่าปาฏิหาริย์ และปาฏิหาริย์ที่ว่านั้นก็คือปาฏิหาริย์ของเสด็จเตี่ย 
                         (3) ..... หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันในรถทัวร์คันที่ 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำไมเกิดเหตุการณ์ เสด็จเตี่ย ท่านได้มาเข้าร่างของอาจารย์หญิงท่านนั้น..เสด็จเตี่ย ท่านได้มาบอกอะไรให้กับพวกเรา ! … สิ่งนี้คงตอบยากเพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็น ปาฏิหาริย์เสด็จเตี่ย อย่างแน่นอน

 


... หรือ .... คลิกตรงนี้ ! เพื่อเข้าไปรับชม (เพิ่มเติม) ต่อด้อีก !



         โน๊ต : -
. ..... ด้านล่างนี้...จะมีภาพขยายใหญ่ของรูปหล่อ " เสด็จเตี่ย "  กรมหลวงชุมพรเขตอุมศักดิ์ รุ่นที่ระลึกทหารเสือ 19 พฤษภาคม 2532 
( ท่านสามารถเลื่อนเม้าส์ลงมาดูได้นะครับ ! )
......